ภาพสื่อถึง OEM กับ ODM คือสิ่งที่แตกต่างและผู้ประกอบการต้องเข้าใจ

สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมพลาสติก การเริ่มต้นผลิตสินค้าแบรนด์ตนเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องลงทุนมหาศาลไปกับการสร้างโรงงาน จัดซื้อเครื่องจักร และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งการมีโรงงาน OEM (Original Equipment Manufacturer) และโรงงาน ODM (Original Design Manufacturer) เข้ามา จึงนับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการสามารถผลิตสินค้าคุณภาพสูงออกสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ดังนั้น เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างแบรนด์ใหม่หรือขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น เราจะพาไปเจาะลึกความหมายและความแตกต่างที่สำคัญของ OEM และ ODM พร้อมไขข้อสงสัยว่าการเลือกใช้บริการทั้งสองรูปแบบนี้มีความสำคัญอย่างไรต่อการขับเคลื่อนธุรกิจพลาสติกของคุณให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ความแตกต่างระหว่าง OEM แล ะ ODM คืออะไร ?

OEM (Original Equipment Manufacturer)

โรงงาน OEM มีหน้าที่ผลิตสินค้าหรือชิ้นส่วนตามแบบที่ลูกค้าเป็นผู้กำหนด ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่การออกแบบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการทำการตลาด ส่วนโรงงานจะทำหน้าที่ผลิตตามพิมพ์เขียวที่ได้รับมาอย่างเคร่งครัด จุดแข็งของ OEM คือการผลิตที่ได้มาตรฐานและแม่นยำ

ODM (Original Design Manufacturer)

โรงงาน ODM มีบริการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปไว้แล้ว ลูกค้าสามารถเลือกแบบที่โรงงานพัฒนาไว้และปรับเปลี่ยนรายละเอียดเล็กน้อยก่อนนำไปติดแบรนด์ของตัวเอง ข้อดีคือช่วยประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้เร็วขึ้น

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง OEM และ ODM

เกณฑ์เปรียบเทียบOEM (Original Equipment Manufacturer)ODM (Original Design Manufacturer)
การออกแบบลูกค้ารับผิดชอบโรงงานมีแบบพร้อม
การลงทุนสูง (เพราะต้องออกแบบเอง)ต่ำกว่า (ไม่ต้องทำ R&D มาก)
ความยืดหยุ่นสูงตามแบบลูกค้าปานกลาง-ปรับรายละเอียดได้
ความเหมาะสมกับธุรกิจธุรกิจใหญ่ มีทีมออกแบบธุรกิจเริ่มต้น ต้องการเข้าสู่ตลาดเร็ว

 

ความสำคัญของ OEM และ ODM ต่ออุตสาหกรรมพลาสติก

การใช้บริการโรงงาน OEM และ ODM มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมพลาสติกในหลายประการ ดังนี้

ลดต้นทุนการผลิตและการลงทุน

ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด คือผู้ประกอบการไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลในการสร้างโรงงาน ซื้อเครื่องจักร หรือพัฒนาเทคโนโลยีเอง เพราะโรงงาน OEM และ ODM มีเครื่องมือและเครื่องจักรครบ เช่น เครื่องฉีดขึ้นรูปพลาสติกคุณภาพสูง

เพิ่มความรวดเร็วในการออกสู่ตลาด

การใช้บริการ ODM ที่มีแบบพร้อมผลิต ทำให้สามารถวางจำหน่ายสินค้าได้เร็วกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังลดระยะเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development Cycle) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เข้าถึงเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญ

โรงงานเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงมีองค์ความรู้ และเครื่องมือเฉพาะทาง เช่น เครื่องฉีดขึ้นรูปพลาสติกที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการได้ชิ้นงานคุณภาพสูง มีความแม่นยำตรงตามสเปกที่ต้องการ โดยไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้กระบวนการผลิตที่ซับซ้อนด้วยตนเอง

ช่วยให้ธุรกิจมุ่งเน้นไปที่จุดแข็ง

เมื่อมอบหมายงานด้านการผลิตให้แก่ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ประกอบการก็สามารถทุ่มเททรัพยากรไปกับการสร้างแบรนด์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การตลาด และการขายได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม (Value Creation) และเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว

ปัจจัยในการเลือกใช้บริการ OEM หรือ ODM

การตัดสินใจเลือกใช้บริการ OEM หรือ ODM ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้

เงินทุนและงบประมาณ

หากมีงบประมาณจำกัด การเลือกใช้บริการ ODM จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจากไม่ต้องลงทุนในการออกแบบและสร้างแม่พิมพ์ใหม่ ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินทุนน้อยกว่าและมีความเสี่ยงต่ำกว่า

ถ้าผู้ประกอบการมีเงินทุนเพียงพอและต้องการสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ การเลือกใช้โรงงาน OEM จะให้ประโยชน์มากกว่า

ระยะเวลาและเป้าหมายในการออกสู่ตลาด

หากต้องการเข้าสู่ตลาดทันตามฤดูกาลขายที่ตั้งเป้าหมายไว้ การใช้บริการ ODM จะช่วยให้สามารถเริ่มจำหน่ายสินค้าได้เร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่การใช้โรงงาน OEM อาจใช้เวลานานกว่า แต่จะได้ผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์มากที่สุด

ความสามารถในการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์

ผู้ประกอบการที่มีทีมออกแบบที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สามารถเลือกใช้ OEM ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากไม่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ การใช้ ODM จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

ความต้องการในการควบคุมคุณภาพและการผลิต

สำหรับธุรกิจที่ต้องการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวดหรือมีข้อกำหนดเฉพาะทางเทคนิคที่ซับซ้อน การใช้ OEM อาจให้ความยืดหยุ่นในการควบคุมกระบวนการผลิตมากกว่า ทำให้มั่นใจว่าชิ้นงานออกมาตรงตามสเปกอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ ODM อาจมีข้อจำกัดในการปรับแต่งบางประการ

เป้าหมายทางธุรกิจระยะยาว

หากเป้าหมายคือการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีเอกลักษณ์เฉพาะในระยะยาว การลงทุนใน OEM อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แต่หากเป้าหมายคือการทดสอบตลาดหรือสร้างรายได้ระยะสั้น ODM นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม

ด้วยปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเลือกใช้โรงงาน OEM หรือ ODM ได้อย่างเหมาะสมกับเป้าหมายธุรกิจของคุณ และช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้
สำหรับผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโรงงานขึ้นรูปพลาสติกที่มีคุณภาพ เพื่อการผลิตชิ้นงานที่ได้มาตรฐาน ที่ Molder Enterprise พร้อมให้บริการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์ตามความต้องการ พร้อมบริการรับขึ้นรูปพลาสติก ด้วยเครื่องจักรที่ได้มาตรฐาน ส่งมอบงานตรงเวลา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่โทร. 034-476-173

ข้อมูลอ้างอิง

  1. OEM vs ODM vs OBM: Which Manufacturing Model Is Right for Your Business?. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 จาก https://www.linkedin.com/pulse/oem-vs-odm-obm-which-manufacturing-model-right-your-business-singh
  2. OEM , ODM และ OBM คืออะไร แตกต่างกันอย่างไร. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 จาก https://www.businessplus.co.th/Activities/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3-erp-mrp-c019/OEM_ODM_OBM-v8612?srsltid=AfmBOop
  3. Exploring OEM, ODM, and OBM in Business. สืบค้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 จาก https://shipbear.co/understanding-oem-odm-and-obm-in-business/