ขวดเคลื่อนที่มาตามสายพานหลังกระบวนการผลิตขวดพลาสติกเสร็จสิ้น

สำหรับโลกยุคใหม่ บรรจุภัณฑ์ไม่ได้เป็นเพียงภาชนะใส่ของ แต่เป็นส่วนหนึ่งในประสบการณ์ของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ขวดพลาสติก” ได้กลายเป็นบรรจุภัณฑ์ยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติเบา ทนทาน ขึ้นรูปได้หลายขนาด และเหมาะกับทุกกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม สกินแคร์ หรือเคมีภัณฑ์

การเข้าใจถึงกระบวนการผลิตขวดพลาสติกอย่างละเอียด ตั้งแต่วัสดุที่ใช้ไปจนถึงเทคนิคการเพิ่มคุณภาพ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการควรรู้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว

ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่ใช้ขวดพลาสติกอย่างแพร่หลาย

อุตสาหกรรมการผลิตขวดพลาสติก เป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก เพราะความนิยมของขวดพลาสติกไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงตลาดน้ำดื่ม แต่ขยายครอบคลุมไปในหลากหลายภาคส่วนเนื่องจากคุณสมบัติที่เบา ทนทาน และสามารถขึ้นรูปได้ง่าย ตัวอย่างเช่น

  • อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม : เช่น ขวดน้ำดื่ม ขวดน้ำผลไม้ ขวดนม UHT มักเลือกใช้วัสดุที่มีความใส ช่วยปกป้องคุณภาพของอาหารและน้ำดื่ม
  • อุตสาหกรรมเวชสำอางและสกินแคร์ : เพิ่มความหรูหราและน่าใช้ รวมทั้งคงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เช่น ขวดเซรั่ม, ขวดโฟมล้างหน้า, ขวดหัวปั๊ม
  • อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ : เช่น ขวดน้ำยาทำความสะอาด น้ำยาเคมีทางอุตสาหกรรม เนื่องจากพลาสติกบางชนิดมีคุณสมบัติทนต่อการกัดกร่อนและสารเคมีได้ดี
  • อุตสาหกรรมการเกษตร : ใช้พลาสติกทนสารเคมีและรักษาคุณภาพสินค้า ส่วนใหญ่พบในขวดยาฆ่าแมลงและปุ๋ยน้ำ
  • อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ : ขวดยาและขวดสเปรย์ฆ่าเชื้อ ต้องการความสะอาดและปลอดภัยสูง จึงต้องใช้พลาสติกเกรดการแพทย์ที่ไม่มีคุณสมบัติละลายสารเคมี

ขวดพลาสติกทำมาจากวัสดุอะไร ?

ก่อนจะไปเจาะลึกว่าการขึ้นรูปพลาสติกเพื่อผลิตขวดน้ำมีวิธีใดบ้าง อย่างแรกคุณต้องรู้จักสารตั้งต้นในการผลิตเสียก่อน เพราะการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตขวดพลาสติก และวัสดุแต่ละชนิดมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ที่พบโดยทั่วไป ได้แก่

  • PET (Polyethylene Terephthalate) เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการผลิตขวดน้ำดื่มเนื่องจากมีคุณสมบัติใส แข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทก และรีไซเคิลได้ง่าย
  • HDPE (High Density Polyethylene) มีความทึบแสง แข็งแรง ทนต่อความร้อนและสารเคมีได้ดี นิยมใช้กับขวดนมหรือภาชนะบรรจุสารเคมี
  • LDPE (Low Density Polyethylene) มีความยืดหยุ่นสูง พับงอได้ เหมาะสำหรับขวดที่มีลักษณะบีบได้ง่าย เช่น ขวดซอสหรือขวดน้ำยา
  • PP (Polypropylene) ทนความร้อนได้ดี จึงมักใช้กับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนหรือสามารถนำเข้าไมโครเวฟได้
  • PVC (Polyvinyl Chloride) มีความใส แข็งแรง และทนต่อสารเคมีได้ดี แต่รีไซเคิลยาก มักใช้กับบรรจุภัณฑ์ที่ไม่ต้องทนความร้อนสูง

ผลลัพธ์จากกระบวนการผลิตขวดพลาสติกด้วยวิธี Injection Stretch Blow Molding

กระบวนการผลิตขวดพลาสติกที่ผู้ประกอบการควรรู้

กระบวนการผลิตขวดพลาสติกมีหลายวิธี แต่สองวิธีหลักที่ผู้ประกอบการควรรู้และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ได้แก่ Injection Stretch Blow Molding (ISBM) และ Extrusion Blow Molding (EBM) ซึ่งแต่ละวิธีมีขั้นตอนและจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. Injection Stretch Blow Molding (ISBM)

กระบวนการนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในการผลิตขวด PET สำหรับน้ำดื่มและเครื่องดื่มอัดลม เนื่องจากให้ความใส แข็งแรง ทนแรงดันได้ดี ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ คือ

  • การขึ้นรูปพรีฟอร์ม : เริ่มต้นจากการหลอมเม็ดพลาสติก PET และฉีดเข้าสู่แม่พิมพ์เพื่อขึ้นรูปเป็นชิ้นงานขนาดเล็กที่มีลักษณะคล้ายหลอดทดลอง
  • การให้ความร้อน : นำพรีฟอร์มที่ได้ไปให้ความร้อนในเตาอบอินฟราเรด เพื่อให้อุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการเป่าขึ้นรูป
  • การเป่าขึ้นรูป : จากนั้นพรีฟอร์มจะถูกย้ายไปยังแม่พิมพ์ขวดและใช้แกนยืด (Stretch Rod) ดันพรีฟอร์มให้ยืดออกตามแนวแกนในขณะที่เป่าลมแรงดันสูงเข้าไปพร้อมกัน ทำให้พรีฟอร์มขยายตัวออกตามรูปทรงของแม่พิมพ์
  • การทำให้เย็นและปลดออกจากแม่พิมพ์ : เมื่อพลาสติกเย็นตัวและแข็งขึ้นตามรูปทรงขวดแล้ว แม่พิมพ์จะเปิดออกและปลดขวดพลาสติกสำเร็จรูปออกมา

กระบวนการนี้จะแตกต่างจากกระบวนการฉีดพลาสติกทั่วไปตรงที่ ISBM เป็นกระบวนการผลิตขวดพลาสติกแบบ 2 ขั้นตอน ที่ใช้การฉีดขึ้นรูปพรีฟอร์มก่อน แล้วจึงนำไปเป่าและยืดให้เป็นขวด ส่วน Injection Molding ซึ่งเป็นการฉีดพลาสติกเพื่อสร้างชิ้นส่วนตันในขั้นตอนเดียว

2. Extrusion Blow Molding (EBM)

เหมาะสำหรับการผลิตขวดที่มีรูปทรงซับซ้อนและต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น ขวดนม ขวดแชมพู หรือขวดบรรจุสารเคมี  มีขั้นตอนหลัก 4 ขั้นตอนเช่นกัน คือ

  • การหลอมและอัดรีด : เริ่มต้นด้วยการหลอมเม็ดพลาสติก และอัดรีดผ่านหัวฉีด (Die) เพื่อให้ได้ท่อพลาสติกกลวงที่เรียกว่า “พาริสัน” (Parison) ซึ่งยังคงอ่อนตัวอยู่
  • การปิดแม่พิมพ์และเป่าขึ้นรูป : แม่พิมพ์รูปทรงขวดจะเข้าประกบและบีบส่วนปลายของพาริสัน จากนั้นจะเป่าลมเข้าไปภายในเพื่อขยายพาริสันให้พองตัวติดกับผนังแม่พิมพ์
  • การทำให้เย็น : พลาสติกจะถูกทำให้เย็นลงภายในแม่พิมพ์จนแข็งตัว
  • การปลดออกจากแม่พิมพ์และตัดแต่ง : เมื่อขวดแข็งตัวแล้ว แม่พิมพ์จะเปิดออกเพื่อปลดขวดออกมา จากนั้นจะมีการตัดแต่งส่วนเกิน (Flash) ที่เกิดจากการบีบอัดออกไป

เทคนิคเพิ่มคุณภาพให้กระบวนการผลิตขวดพลาสติก

สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง และต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตขวดพลาสติก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงและต้นทุนที่เหมาะสม สามารถยกระดับธุรกิจได้ด้วยเทคนิคเหล่านี้

  • เลือกแม่พิมพ์ที่ออกแบบให้เหมาะกับลักษณะขวดโดยเฉพาะ เพราะแม่พิมพ์ที่มีการออกแบบอย่างแม่นยำจะช่วยให้ขวดมีรูปทรงสวยงามและสอดคล้องกับคุณสมบัติของวัสดุ จึงใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
  • ควบคุมอุณหภูมิพรีฟอร์มอย่างแม่นยำ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในกระบวนการเป่าขึ้นรูป โดยการควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมจะช่วยลดข้อผิดพลาดและทำให้ขวดมีคุณภาพสม่ำเสมอ
  • ใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์หรือระบบ QC อัตโนมัติ ช่วยตรวจจับข้อบกพร่องได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ลดการสูญเสียจากการผลิต
  • วางแผนการผลิตและวัสดุให้เหมาะกับปริมาณออร์เดอร์ ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น

มองหาบริการฉีดขึ้นรูปขวดพลาสติกคุณภาพดี ราคาแข่งขันได้ เลือก Molder Enterprise

หากคุณต้องการฉีดขึ้นรูปขวดพลาสติกตามแบบเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นขวดเครื่องดื่ม ขวดสกินแคร์ หรือขวดเคมีภัณฑ์ Molder Enterprise พร้อมให้บริการรับฉีดพลาสติกครบวงจร ด้วยมาตรฐานอุตสาหกรรมระดับสากล รองรับวัสดุหลากหลาย พร้อมทีมออกแบบแม่พิมพ์และ QC ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน ส่งมอบตรงเวลา ในราคาที่คุณสามารถแข่งขันได้ พร้อมบริการให้คำปรึกษาก่อนขึ้นงานจริง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 034-476-173

ข้อมูลอ้างอิง

  1. HOW ARE PLASTIC BOTTLES MADE?. สืบค้นเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 จาก https://www.originltd.com/useful-resources/plastic-packaging/how-are-plastic-bottles-made/